ReadyPlanet.com


เรื่องฟ้องแบ่งสินสมรสและถอนใบอนุญาตทนาย


เรื่องมีดังนี้ค่ะ หลังจากสามีและภรรยาแต่งงานกัน(ทั้ง 2 คนมีอาชีพรับราชการค่ะ) แม่ฝ่ายภรรยาได้มอบที่ดินให้ 1 ผืน โดยสร้างบ้านไว้บนที่ดินผืนนี้ 1 หลัง ซื้อรถยนต์ 2 คัน (เป็นรถกระบะ 1 คัน และรถเก๋ง 1 คัน) สามีภรรยาคู่นี้มีลูก 2 คน เสียชวิตแล้ว 1 คน ส่วนคนที่มีชีวิตบรรลุนิติภาวะแล้ว ค่าใช้จ่ายในบ้านฝ่ายสามีให้ภรรยาและลูกดูแลทั้งหมด ส่วนรายได้ของตันเองอ้างว่าจะเก็บไว้สร้างบ้านและซื้อรถ (สามีได้กู้เงินมาจำนวนหนึ่งเพื่อซื้อบ้านและรถ โดยแอบปลอมลายเซ็นต์ของภรรยาในการกู้ยืม) หลังจากนั้นแม่ฝ่ายสามีได้มอบที่ดินให้อีก 1 ผืน และสร้างบ้านบนที่ดินผืนนี้อีก 1 หลัง และครอบครัวได้ย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้ค่ะ (หลังจากซื้อบ้านและรถแล้วฝ่ายสามีก็ยังคงไม่ช่วยค่าใช้จ่ายในครอบครัวเช่นเคย) ตอนลูกเสียชีวิตใหม่ๆ ภรรยาเสียใจกับเรื่องนี้มากจนกลายเป็นโรคซึมเศร้าต้องหาหมอที่จิตเวท ถึงแม้จะทานยาแล้วก็ไม่ได้ทำให้ภรรยาดีขึ้น และสามีเองก็ไม่สามารถเป็นที่พึ่งได้ ภรรยาและลูกจึงตัดสินใจเข้าวัดทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับลูกที่เสียชีวิตไป ซึ่งทำให้ภรรยามีอาการดีขึ้น (เงินที่ใช้ทำบุญเป็นเงิน 100 -300 บาท/เดือน เป็นเงินที่ภรรยาและลูกหามาเอง ส่วนรายได้ภายในครอบครัวประมาณ 20,000 - 30,000 บาท ดูแล้วไม่น่าจะมีผลกระทบกับค่าใช้จ่ายในบ้าน) หลังจากลูกเสียชีวิตไม่นานสามีก็เออร์ลี่ออกจากราชการได้เงินค่าบำเน็จบำนานข้าราชการมาส่วนหนึ่ง วันๆ ไม่ทำอะไรนอกจากนั่งจับผิดภรรยากับลูก และด้วยเกรงว่าภรรยากับลูกจะมีส่วนในเงินที่ตนได้รับก็หาเรื่องไล่ภรรยากับลูกออกจากบ้าน โดยอ้างไม่ชอบที่ภรรยากับลูกเข้าวัด(ถึงขนาดโยนเสื้อผ้าของภรรยาทิ้ง พร้อมทำลายข้าวของในบ้าน) ภรรยากับลูกทนความกดดันไม่ไหวจึงออกไปอยู่บ้านอีก 1 หลัง (เป็นหลังที่สร้างขึ้นบนที่ดินของแม่ฝ่ายภรรยา) หลังจากภรรยากับลูกออกไปแล้วก็คบคิดกับน้องสาวและน้องเขยรีบโอนบ้านพร้อมที่ดิน(เป็นหลังที่สร้างบนที่ดินที่แม่สามียกให้)ให้แก่น้องสาว แต่เนื่องจากโฉนดที่ดินผืนนี้ฝ่ายสามีได้ฝากไว้กับภรรยา สามีจึงไปแจ้งความว่าทำโฉนดหายเพื่อออกโฉนดใหม่แล้วโอนให้น้องสาว ส่วนรถยนต์ 1 คัน (เป็นรถเก๋ง ส่วนรถกระบะภรรยาเอาไปใช้) สามีนำไปขาย และซื้อรถกระบะใหม่ 1 คันแล้วโอนให้น้องเขย และซึ้อรถเก๋งเพิ่มอีก 1 คันไว้ใช้เอง(นอกจากนี้สามี แม่สามี พี่ชาย น้องสาวและน้องเขยของสามียังรวมหัวกันสร้างเรื่องใส่ร้ายป้ายสีภรรยากับลูกที่โดนไล่ออกจากบ้านด้วย ซึ่งภรรยากับลูกก็ทราบเรื่องนี้ดีแต่ไม่อยากเอาเรื่องค่ะ) หลังจากภรรยาและลูกออกจากบ้านได้ 5 ปี และทราบเรื่องที่สามีโอนบ้านพร้อมที่ดินและรถให้น้องสาวกับน้องเขย จึงไปเจรจาเพราะสามีกระทำไปโดยไม่ได้ความเห็นชอบจากภรรยา แต่ไม่เป็นผล ภรรยาจึงเข้าแจ้งความเอาผิดกับสามี ฐานแจ้งความเท็จ และส่งเรื่องไปที่ศาล ทางศาลตัดสินปรับฐานแจ้งความเท็จและรอลงอาญา 1 ปี(เรื่องนี้สามีได้โกหกต่อศาลว่าไปขอโฉนดกับภรรยาแล้ว แต่ภรรยาไม่ให้ เพื่อเอาตัวรอด) และภรรยาได้ว่าจ้างทนายมาดำเนินเรื่องนี้ 1 ท่าน(มีการทำสัญญาว่าจ้างและชำระเงินค่าทนายและค่าศาลไว้เรียบร้อยตั้งแต่ กค.2557) และมอบเอกสารและหลักฐานทุกอย่างเพื่อให้ทนายดำเนินเรื่อง แต่เรื่องก็เงียบหายไปจนศาลมีจดหมายถึงภรรยาเพื่อตัดชื่อออกจากระบบเนื่องจากไม่ยื่นหลักฐานและไม่ชำระค่าศาล ส่วนฝ่ายสามีก็ได้ว่าจ้างทนายเพื่อดำเนินฟ้องอย่าภรรยาฐานทำบุญทีละมากๆ (ทำบุญเดือนละ 100 - 300 บาท ถือว่ามากเหรอคะ?) และศาลได้เรียกขึ้นว่าความตัดสินให้ภรรยาแบ่งสินสมรสซึ่งเป็นรถกระบะที่ภรรยาใช้อยู่ให้สามีครึ่งหนึ่งโดยตีราคาแล้วแบ่งเงินกัน(เรื่องนี้เป็นเรื่องฝ่ายสามีฟ้องร้องภรรยาฝ่ายเดียว ส่วนเรื่องของภรรยากลับไม่เคยถึงศาลเลย ตอนนี้เรื่องยังไม่จบจึงยังไปม่ได้หย่า) ภรรยาจึงเข้าไปถามเรื่องฟ้องร้องกับทนายที่ว่าจ้าง แล้วทนายก็แจ้งว่าให้ภรรยากับสามีหย่ากันให้เรียบร้อยก่อน ทนายจึงจะทำเรื่องฟ้องแบ่งสินสมรสให้ (ถ้าสามีภรรยาหย่ากันแล้วยังสามารถฟ้องแบ่งสินสมรสได้เหรอคะ?) และทุกครั้งที่ฝ่ายภรรยาถามความคืบหน้าของคดีทางทนายก็มักจะบ่ายเบี่ยงเลื่อนนัด และมีข้ออ้างต่างๆ มาตลอด และคดีไม่มีความคืบหน้าใดๆ มาได้ 1 ปีแล้ว ไม่ทราบว่าภรรยายังสามารถดำเนินเรื่องฟ้องแบ่งสินสมรสกับสามีได้หรือเปล่าคะ? แล้วจะดำเนินการกับทนายท่านนี้อย่างไร? สามารถเอาผิดทนายท่านนี้ได้ไหมคะ?


ผู้ตั้งกระทู้ ริมฝั่งโขง :: วันที่ลงประกาศ 2015-07-17 10:28:08 IP : 115.31.141.50


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3437236)

ตามข้อเท็จจริงที่ค่อนข้างจะยาวมาก  นะคะ ขอสรุปประเด็นสั้นๆ  ดังนี้ค่ะ

ข้อ 1 ในเรื่องของสามีที่ฟ้องหย่า  หากคุณมีทนายความแล้ว รบกวนให้คุณต้องปรึกษาทนายความของคุณค่ะ  แต่หากไม่มีทนายความ และพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ศาลให้แบ่งสินสมรส ที่เป็นรถกระบะ   ในคดีนี้น่าจะมีการพิพากษาคดีไปแล้วค่ะ ไม่เช่นนั้นศาลคงไม่ตัดสินเช่นนั้น และในเมือมีการพิพากษาไปถึงสินสมรสแล้ว  ในเรื่องของการหย่าน่าจะมีในคำพิพากษาด้วย ไปตรวจสำนวนที่ศาลก่อนค่ะ

ข้อ 2. หากคุณไม่ประสงค์จะให้ทายความท่านเดิมดำเนินคดีต่อไป ก็ต้องให้ทนายความท่านใหม่เข้าไปดำเนินคดีค่ะ    หากคิดว่าทนายความทำหน้าที่ดีไม่พอ คุณสามารถเปลี่ยนทนายความได้

ผู้แสดงความคิดเห็น ทีม JOLLAW วันที่ตอบ 2015-08-18 21:33:25 IP : 58.9.207.26



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล *
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล