ขอตอบเป็นข้อๆ ดังนี้นะคะ

กรณีที่ 1. สามีเป็นผู้ค้ำประกัน โดยใช้ที่ของสามีคุณ เป็นหลักประกันในการชำระหนี้ เมื่อครบกำหนดการชำระหนี้ ลูกหนี้ไม่ชำระ เจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิเรียกให้ผู้คำประกันชำระหนี้ได้ ค่ะ และเมื่อผู้คำประกัน ได้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ไปแล้ว สามีของคุณในฐานะผู้ค้ำประกัน ย่อมมีสิทธิที่จะไล่เบี้ยเอาจากลูกหนี้ ได้ค่ะ

ดังนั้นทางแก้ปัญหาในกรณีนี้ ก็คือใช้สิทธิไล่เบี้ยเอากับลูกหนี้ โดยการใช้สิทธิฟ้องร้องทางศาล เพื่อบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้ให้แก่ผู้ค้ำประกันค่ะ

และกรณีที่ 2. ในข้อเท็จจริงที่ว่า คุณแต่งงานหลังจากที่สามีเป็นหนี้กับธนาคารแล้ว ตามกฎหมายถือว่า เป็นหนี้ที่ก่อไว้ก่อนสมรส ดังนั้นสามีต้องรับผิดเป็นการส่วนตัวค่ะ การชำระหนี้นั้นให้ชำระหนี้นั้นด้วยสินส่วนตัว ของสามีก่อน ถ้าไม่พอกับหนี้ที่ต้องชำระ จึงจะมาเกี่ยวข้องกับคุณก็คือการชำระหนี้ที่เป็นสมรส แต่ว่าสินสมรสที่จะถูกบังคับชำระหนี้นั้นก็ต้องเป็นสินสมรสของฝ่ายสามีด้วยค่ะ

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

มาตรา 693 ผู้ค้ำประกันซึ่งได้ชำระหนี้แล้ว ย่อมมีสิทธิที่จะไล่เบี้ยเอาจากลูกหนี้ เพื่อต้นเงินกับดอกเบี้ยและเพื่อการที่ต้องสูญหายหรือเสียหายไปอย่างใดๆ เพราะการค้ำประกันนั้น

      อนึ่งผู้ต้ำประกันย่อมเข้ารับช่วงวิทธิของเจ้าหนี้บรรดามีเหนือลูกหนี้ด้วย

 มาตรา 1488 ถ้าสามีหรือภริยาต้องรับผิดเป็นการส่วนตัวเพื่อชำระหนี้ที่ก่อไว้ก่อนหรือระหว่างสมรส ให้ชำระหนี้นั้นด้วยสืนส่วนตัวของฝ่ายนั้นก่อนเมื่อไม่พอจึงให้ชำระด้วยสินสมรสที่เป็นส่วนของฝ่ายนั้น