 | |
ผมอยู่กินกับภรรยามา 16 ปี มีบุตรชาย 1 คน และหญิง 1 คน ผมมีรับราชการครับ มีเงินเดือนไม่มากมาย ทุกวันนี้เงินเดือนถูกหักหายไป 50% ภรรยาเป็นคนปากจัดด่าผมไม่เลือกที่ไม่ว่าที่บ้านที่สาธารณะ คำด่าของเธอที่เป็นประจำก็คือ เ..หี้..ย และ ควาย เป็นคนเสียงดังไม่เกรงใจใคร ที่พักของผมเป็นอาคารชุด เสียงจะดังมาก ผมอาย เวลาว่าเธอให้เบาหน่อย มักจะตอบว่า “กูไม่อายแล้วจะทำไม” ผมอดทนมานานพอแล้วโดยเห็นแก่ลูก ประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมทะเลาะกับเธอ เธอก็เหมือนเดิมด่าผม อยู่กันมาผมไม่เคยลงไม้ลงมือ เพราะไม่ชอบความรุนแรง เวลาเพื่อนผมมาหาจากต่างจังหวัด จะไม่กินข้าวนั่งคุยกัน ก็โทรตาม ผมเป็นคนไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ โทรตามและต่อว่าว่า “ไม่แดกแต่เสือกไม่นั่งอยู่ได้”การทะเลาะกันครั้งนี้ เธอผิดไม่ยอมขอโทษ ลืมครับ ก่อนจะทะเลาะกันเธอทะเลาะกับบุตรชายอยู่ โดยไม่พูดกันเลย แต่พอเธอมาทะเลาะกับผมกับไปพูดกับบุตรชาย ผมไม่เคยเอาเรื่องที่ทะเลาะกันไม่เล่าให้คนอื่นฟังเลย นอกจากน้องสาวเธอ แต่เธอบอกคนอื่นไปทั่ว ว่าผมไม่ดีอย่างนั้น อย่างนี้ ตอนนี้ผมเฉย ๆ ผมคิดว่าตบมือข้างเดียวมันคงไม่ดัง เธอบอกคนอื่นว่าจะไปร้องเรียนผมกับผู้บังคับบัญชาที่กรม ฯ ผมผิดอะไรหรือครับ เธอบอกว่าผมไม่เคยเลี้ยงดูเธอเลย คือการไม่ให้เงิน ผมเป็นคนควบคุมค่าใช้จ่ายภายในบ้านทั้งหมด แต่ก่อนที่เธอยังไม่ยึดอาชีพขายของ เธอขอซื้ออะไรก็จะซื้อให้ ไปราชการก็จะจ่ายเงินไว้ให้ เธอมาขายของได้ประมาณ 6 –7 ปี ผมจะช่วยเธอขายของด้วย โดยที่ผมไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวเงินของเธอเลย โดยหากว่าไปราชการก็จะจ่ายให้บ้าง ไม่จ่ายบ้าง เพราะถือว่าผมช่วยเธอหาเงิน ก็ต้องแบ่งเบาภาระกันบ้างในเรื่องของลูก แต่มีปัญหาสำคัญที่เธอไม่เคยรับรู้เลยว่า เธอหลอกลวงผมให้จดทะเบียนสมรส ด้วย ผมอยากทราบว่า เรื่องที่กล่าวมาของฟ้องหย่าได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ เรื่องที่ 2 มีความเป็นไปได้มากเลย คือว่า บุตรชายที่เกิดมาไม่ใช่บุตรของผมครับ ผมมีเลือดกรุ๊ป AB ครับ แค่บุตรมีเลือดกรุ๊ป O ผมจดทะเบียนสมรสกับเธอเพราะเธอบอกว่าท้องกับผม ผมอดทนมานานมากพอ เพราะเห็นแก่เด็กครับ เธอไม่รู้เรื่องเลย น้องสาวเธฮรู้เรื่องนี้ แต่ไม่อยากจะพูดกัน กลัวจะสะเทือนจิตใจเด็ก แต่ตอนนี้ผมไม่สามารถอยู่กับเธอได้แล้ว ผมจะสามารถฟ้องหย่าในเรื่องได้หรือไม่ และถ้าผมขอดูแลเด็กทั้งสองคนจะได้ไหม และผมจะต้องแบ่งทรัพย์สินให้เธอหรือเปล่า ผมมีรถยนต์บรรทุก 1 คัน และมอเตอร์ไซค์ 1 คัน เท่านั้นครับ เพราะหลอกลวงผม และจะต้องส่งเลียลี้ยงดูเธออีกหรือเปล่าเพราะเธอก็ทำมาหากินเองได้ | |
ผู้ตั้งกระทู้ yotinchai (yotinchai-at-hotmail-dot-com) :: วันที่ลงประกาศ 2010-07-24 14:32:19 IP : 115.67.77.16 |
| [1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (3205306) | |
ครับจากข้อเท็จจริงของคุณพอแยกเป็นประเด็นได้ดังนี้ 1.สามารถฟ้องหย่าภริยาของคุณได้หรือไม่ 2.ขออำนาจปกครองบุตรทั้งสองได้หรือไม่ 3.เมื่อหย่าแล้วจะต้องแบ่งสินสมรสหรือไม่ 4.ต้องจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูให้กับภริยาอีกหรือไม่ จากประเด็นทั้งสี่ ประเด็นที่ 1 เหตุฟ้องหย่าตามกฎหมาย ก็มีอยู่หลายเหตุหลายประการคับ ซึ่งตรงบทความของเว็บไซต์ของเราได้นำมาเผยแพร่ไว้แล้ว จะไม่กล่าวทั้งหมดให้ฟังอีก แต่ดูให้เลยว่าตามข้อเท็จจริงที่คุณเล่ามายาวมาก นั้น คงมีความเป็นปฎิปักษ์กันที่จะอยู่กินร่วมกันฉันสามีภริยาโดยปกติสุขแล้ว หากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าบุตรทั้งสองนั้นไม่ใช่บุตรคุณ ( เลี้ยงลูกกา ) จริงๆทั้งนี้ต้องพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์นะครับ และย้อนไปตั้งแต่จดทะเบียนสมรส โดยหญิงกล่าวหาว่าเป็นบุตรของคุณ จนคุณจำต้องจดทะเบียนสมรสกับเขา ตรงนี้อาจนำมาเป็นประเด็นในการฟ้องหย่าได้ ประเด็นที่ 2 การขออำนาจปกครองบุตร เป็นไปตามป.พ.พ.มาตรา 1566 บุตรซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะต้องอยู่ใต้อำนาจปกครองของบิดามารดา หากเป็นบุตรของคุณก็สามารถขอใช้อำนาจปกครองบุตรทั้งสองได้ ซึ่งเมื่อหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากันแล้ว ฝ่ายใดจะเป็นผู้ใช้อนำจปกครองบุตรนั้น จะต้องประกอบด้วย 1. บุตรสมัครใจจะอยู่กับฝ่ายใด 2.ฝ่ายใดมีฐานะความเป็นอยู่ดีกว่าอีกฝ่ายหนึ่ว 3. สภาพแวดล้อมของฝ่ายใดดีกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งศาลจะมีคำสั่งให้ฝ่ายใดเป็นผู้ใช้อำนาขปกครองบุตรก็จะคำนึงถึงความผาสุก และประโยขน์ของบุตรเป็นสำคุญ และในกรณีที่มีบุตรหลายคน ศาลอาจให้บิดาและมารดาที่มีความเหมาะสมทั้งสองฝ่าย ต่างเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรคนใดก็ได้ หรือจะให้บิดาหรือมารดาที่มีความเหมาะสมมากว่า เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรทุกคนก็ได้ ประเด็นที่ 3 เมื่อหย่าแล้วก็ต้องพิจารณาดูก่อนว่า สินใดเป็นสินส่วนตัว สินส่วนตัวคือทรัพย์สินที่ฝ่ายใดมีอยู่ก่อนสมรส หรือเป็นเครื่องใช้สอยส่วนตัว เครื่องแต่กาย หรือเครื่องประดับ ฯ หรือที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาระหว่างสมรสโดยการรับมรดกหรือโดยการให้โดยเสน่หา หรือที่เป็นของหมั้น ส่วนสินสมรสได้แก่ ที่ได้มาระหว่างสมรส หรือที่ฝ่ายใดได้มาระหว่างสมรสโดยพินัยกรรม หรือโดยการให้เป็นหนังสือ เมื่อพินัยกรรมหรือหนังสือยกให้ระบุว่าเป็นสินสมรส หรือที่เป็นดอกผลของสินส่วนตัว ฉนั้นเมื่อพิจารณาแยกแยะได้ว่าสินส่วนตัว หรือสินสมรสแล้วก็มาพิจารณาว่ามีหนี้สินร่วมกันไหมที่ได้ก่อไว้ระหว่างสมรส แล้วก็มาจัดการรวมทรัพย์สินหนี้สิน แล้วก็แบ่งกันให้เรียบร้อย แบ่งไม่ได้ก็ต้องไปว่ากันในกระบวนการทางศาลต่อไป ประเด็นที่ 4 หากภริยาคุณมีรายได้สูงพอทีจะหาเลี้ยงตัวเองได้นั้นจริง ก็คงจะมาขอไม่ได้ แต่ทั้งนี้เรื่องนี้ต้องสอบข้อเท็จจริงอื่นประกอบอีก | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายธีรภัทร์ 0816669150 (ttapjan-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2010-07-24 23:37:00 IP : 124.122.247.189 | |
ความคิดเห็นที่ 2 (3278654) | |
ผมไม่ชำนาญกฏหมายแต่เรื่อง คุณเลือดกรุ๊ป AB แต่บุตรกรุ๊ป O นี้มันตลกเหรอเปล่าครับ ผมมีความรู้พื้นๆแต่มันเป็นไปไม่ได้นะครับ ที่คุณเลือด AB ลูกคุณจะเป็นไปได้คือ A B AB นะครับ
ผิดพลาดประการใดขออภัยครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น หยก วันที่ตอบ 2011-01-01 19:37:55 IP : 118.172.237.51 | |
| [1] |
