ดิฉันอายุ29ปี ทำงานที่บริษัทขายตรงแห่งหนึ่ง และได้ทุจริตเงินบริษัทดังกล่าวโดยการนำชื่อบุคคลอื่นที่ดิฉันไม่รู้จักมา 3 ราย เพื่อทำการเปิดรหัสสมาชิกแล้วดำเนินการซื้อของที่มีคะแนนมากกว่า แล้วนำส่วนต่างของคะแนนมาใส่ เพื่อให้ได้ค่าคอมมิชชั่น ตั้งแต่21 มกราคม 2553 - 6 กุมภาพันธ์  2555 เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 96,526 บาท  และได้ทำการทุจริตด้วยการออกบิลตามที่ลูกค้าสั่งซื้อแล้วนำไปส่งให้ฝ่ายจัดส่ง และได้ทำการยกเลิกบิลใบเสร็จนั้น แล้วทำการซื้อสินค้าใหม่ที่ไม่ตรงกับรายการที่ลูกค้าสั่ง แต่เป็นรายการสินค้าที่ได้คะแนนเท่ากัน แต่จำนวนเงินที่สั่งซื้อน้อยกว่าที่ลูกค้าซื้อจริงมาส่งให้ทางบัญชีของบริษัท และได้ทุจริตนำเงินส่วนต่างนี้ออกไปและได้แบ่งให้ฝ่ายขายด้วยกัน แต่ดิฉันเป็นคนทุจริตทำเอกสารเอง  ซึ่งได้ทำหลายครั้งในระยะเวลา3ปี เป็นจำนวนทั้งหมดประมาณ7แสนกว่าบาท ต่อมาเกิดมีปัญหาทะเลาะกับพนักงานขายด้วยกัน ดิฉันได้เข้าไปบอกเจ้าของบริษัทว่าได้ทุจริตเงินบริัษัทไปอย่างไร แต่เนื่องด้วยเนื่องด้วยฝ่ายขาย ที่เป็นคู่กรณีกับดิฉันมีหัวหน้าช่วยเหลือ จริงให้รับโทษยอดประมาณ 1 แสนบาท โดยให้พักงานไม่ไล่ออก ให้กลับมาใช้หนี้ แต่ดิฉันให้ดิฉันออกและให้เซ็นเอกสารหนังสือรับรองเจตนารับผิด เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2556 โดยให้ใช้เงินข้างต้น 160,076 บาท ภายใน 3 เดือนก่อน และชดใช้เงินทั้งหมดแก่บริษัท ดิฉันยอมรับผิดและสารภาพทุกอย่าง หลังจากที่ดิฉันเซ็นเอกสารไป3วัน บริษัทได้สรุปยอดทุจริตทั้งหมด 7แสนกว่าบาท และให้บุคคลที่คล้ายตำรวจโทรมาคุย บอกว่าให้หาเงินมาใช้หนี้ให้หมด โดยให้ขายบ้าน หรือขายที่ดิน มาใช้หนี้ให้หมด ไม่เช่นนั้น จะดำเนินคดีอาญา และขู่ว่าติดคุกแน่ๆ แต่ดิฉันพยายามไกล่เกลี่ย โดยบอกว่าจะไม่หนีและจะยอมชดใช้เงินบริษัททุกบาท โดยการขอผ่อน แต่บริษัทไม่ยินยอม โดยทนายจะเอาเงินจำนวนเต็มทั้งหมดให้ได้  จากวันนั้นดิฉันหาเงินมาใช้หนี้บริษัทแล้ว 4 หมื่นบาท  และตอนนี้ดิฉันก็ตกงาน ยังไม่มีรายได้อะไร อาศัยรายได้สามีที่ไม่ได้จดทะเบียนในการใช้จ่าย แต่ไม่มีจำนวนเงินก้อนในการใช้คืน