หากคุณจะแจ้งต่อนายทะเบียนว่าคุณคือมารดาและสามีคือบิดา ( ทางปฎิบัติที่ไม่ตรงไปตรงมา ) คุณสามารถกระทำได้ครับ เพียงแค่คุณเก็บความเท็จต่อการกระทำนั้นไว้ได้ไปตลอด  หากเล็งเห็นว่าอนาคตข้างหน้าไม่มีปัญหาก็คงไม่เป็นไร   แต่หากมองอีกมุมว่าถ้าหากมีข้อเท็จจริงในอนาคต เป็นต้นว่า  มารดาที่ให้กำเนิด หรือ บิดาที่ให้กำเนิด ร่ำรวยมีเงิน ทรัพย์สิน  หรือมีมรดก เกิดขึ้นจำนวนมาก   และไม่มีทายาทที่มีสิทธิจะได้รับมรดก   ทั้งที่บุตรของเขาที่แท้จริงควรจะต้องได้รับ แต่เพราะชื่อทางทะเบียนได้เปลี่ยนไปตั้งแต่เขากำเนิดมา หากจะกลับลำไปพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์หรือจะโดยประการใดก็ตามแต่ เพื่อแสดงความจริงทางกฎหมาย ว่าเด็กคนนี้เป็นบุตรเพื่อต้องการได้รับมรดก  ก็ย่อมเกิดปัญหาแน่นอน 

                       อย่างน้อยปัญหาที่ว่าก็ย้อนกลับมาที่ผู้ที่ผู้ที่แจ้งข้อความอันเป็นเท็จ ต่อเจ้าพนักงาน.... ซึ่งมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 โดยมีบทลงโทษ ให้จำคุกไม่เกิน 6 เดือนปรับ ไม่เกินหนึ่งพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ  ครับ 

                       ขอแนะนำว่าให้แจ้งบิดามารดาที่แท้จริง และหากคุณต้องการจะอุปการะเลี้ยงดูเด็ก ก็ขอเป็นบิดามารดาบุญธรรมไป ครับคุณก็มีอำนาจปกครองตามกฎหมาย และเด็กก็มีสิทธิได้รับมรดกทั้งของคุณและบิดามารดาที่ให้กำเนิดมาด้วยครับ

ขอบคุณมากๆเลยค่ะที่แนะนำ และตอบคำถามของดิฉัน ถ้าเช่นนั้นดิฉันสามารถทำเรื่องขอเป็นบุตรบุญธรรมอย่างไรบ้างคะ แล้วรับหลังจากที่คลอดเลยได้ใช่ไหมคะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

                          การับบุตรบุญธรรมนั้น  มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องอยู่หลายมาตรา แต่จะยกมาเพียงบางตัวบท บางมาตราประกอบคำตอบดังนี้

                       ป.พ.พ. ( ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ) มาตรา 1598/19  บุคคลที่มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบห้าปี จะรับบุคคลอื่นเป็นบุตรบุญธรรมก็ได้  แต่ผู้นั้นต้องมีอายุแก่กว่าผู้ที่จะเป็นบุตรบุญธรรมอย่างน้อยสิบห้าปี

                      ป.พ.พ.มาตรา 1598/20 การรับบุตรบุญธรรม ถ้าผู้ที่จะเป็นบุตรบุญธรรมมีอายุไม่ต่ำกว่าสิบห้าปี ผู้นั้นต้องได้รับความยินยอมด้วย

                      ป.พ.พ. 1598/21 การรับบุตรผู้เยาว์เป็นบุตรบุญธรรมจะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมของบิดาและมารดาของผู้จะเป็นบุตรบุญธรรม ในกรณีที่บิดาหรือมารดาคนในคนหนึ่งตายหรือถูกถอนอำอาจปกครองต้องได้รับความยินยอมของมารดกหรือบิดาซึ่งยังมีอำนาจปกครอง

                       ถ้าไม่มีผู้มีอำนาจให้ความยินยอมดังกล่าวในวรรคหนึ่ง หรือมีแต่บิดาหรือมารดาคนใดคนคนนึ่งหรือทั้งสองคนไม่สามารถแสดงเจตนาให้ความยินนอมได้หรือไม่ให้ความยินยอมและการไม่ให้ความยินยอมนั้นปราศจากเหตุผลอันสมควรและเป็นปฎิปักษ์ต่อสุขภาพความเจริญหรือสวัสดิภาพของผู้เยาว์ มารดาหรือบิดาหรือผู้ประสงค์จะขอรับบุตรบุญธรรมหรืออัยการจะร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งอนุญาตแทนการให้ความยินยอมตามวรรคหนึ่งก็ได้

                      ป.พ.พ. มาตราร 1598/25 ผู้จะรับบุตรบุญธรรมหรือผู้จะเป็นบุตรบุญธรรม ถ้ามีคู่สมรสอยู่ต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรสก่อนในกรณีที่คู่สมรสไม่อาจให้ความยินยอมได้หรือไปเสียจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่และหาตัวไม่พบเป็นเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งปี ต้องร้องขอต่อศาลให้มีคำส่งอนุญาตแทนการให้ความยินยอมของคู่สมรสนั้น

                     ป.พ.พ. มาตรา 1598/27 การรับบุตรบุญธรรมจะสมบูรณ์ต่อเมื่อได้จดทะเบียนตามกฎหมาย แต่ถ้าผู้จะเป็นบุตรบุญธรรมนั้นเป็นผู้เยาว์ต้องปฎิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมก่อน

                     อธิบายภาพรวมว่า   หากคุณมีอายุไม่น้อยกว่า 25 ปี และแก่กว่าผู้ที่จะเป็นบุตรบุญธรรมอย่างน้อย 15 ปี คุณก็สามารถขอรับบุคคลอื่นเป็นบุตรบุญธรราของคุณได้     และข้อพิจารณาต่อไปหากคุณมีคู่สมรสคตามกฎหมาย ( จดทะเบียนสมรส ) คุณก็ต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรสของคุณ  สำหรับการขอความยินยอมก็ชัดเจนกว่าผู้เยาว์ที่จะเป็นบุตรบุญธรรมของคุณก็ต้องได้รับความยินยอมจากบิดาและมารดาของผู้เยาว์ก่อน  หากพ่อแม่แท้จริงของเด็กยอมก็ไปดำเนินการได้ครับ  ฉนั้นสรุปเลยว่า เมื่อเอกสารพร้อมคนพร้อมคุณก็ไปติดต่อ ณ.สำนักงานพัฒนาความมั่นคงและสังคมของมนุษย์ของแต่ละจังหวัด ( หากจังหวัดนั้นมี ) หากไม่มีก็ไปติดต่อที่ศาลากลางจังหวัด และก่อนเข้าไปติดต่อควรโทรตรวจสอบความสมบูรณ์ของเอกสารกับทางเจ้าหน้าที่ก่อน เพื่อความถูกต้อง จะได้ไม่เสียเที่ยว เสียเวลาครับ

ขอบคุณสำหรับคำตอบมากเลยค่ะ  เพราะว่าเหตุการณ์อย่างนี้ กำลังจะเกิดกับดิฉันในอีกไม่กี่เดือนนี้แล้ว 

และอีกอย่างที่ต้องการจะถาม คือ ถ้าต้องการรับเด็กเป็นลูกที่แท้จริง  แต่ไม่มีหนังสือรับรองการเกิดจากโรงพยาบาล จะต้องทำอย่างไรบ้างคะ

ทางทะเบียนราษฎร์จะให้จดหรือปล่าวคะ