เรื่องลักทรัพย์ | |
ขอปรึกษาคดีดังนี้ครับ ผมทำงานรับราชการภรรยาอยู่บ้านขายเสื้อผ้าห้องเป็นห้องแถว อยู่ติดๆกันโดนเขา(ผู้กล่าวหา)เป็นห้องริมสุดถัดมาเป็นห้องที่ผมอาศัยอยู่ เมื่อก่อนหน้านี้เราทั้งสองห้องและห้องอื่นๆถัดไปรักใคร่กันดีเข้านอกออกในได้เสมอบางครั้งภรรยาผมยังไปช่วยแบกถุงเสื้อผ้าให้เขาต่อมาเขาได้ปลูกบ้านใหม่ กลางคืนไปนอนบ้านกลางวันถึงมาร้านขายของคือเสื้อผ้าเหมือนกันแต่เน้นขายส่ง ส่วนผมและภรรยาเน้นขายปลีก ต่อมาได้มีเรื่องขัดใจกันผมและภรรยาไม่พูดกับเขาแต่ภรรยากับภรรยายังพูดคุยกัน มาวันหนึ่งภรรยาผมได้นำบันไดขึ้นไปใต้หลังคาเพื่ออุดรอยรั่ว และฝ้าเพดานเป็นแบบทีบาร์วางแผ่นยิปซั่มเป็นแผ่นๆ และปรากฏว่าทำไม่ได้และกลับลงมาโดยทิ้งบันไดไว้บนฝ้าแต่เยื้องไปทางเขา ประกอบกับเราทั้งสองมีงานที่จะต้องบวชลูกชายที่ต่างจังหวัดจึงไม่อยู่บ้าน(ภรรยาเขายังฝากซองทำบุญเลย) ระหว่างที่เราไม่อยู่บ้านเขาได้จ้างช่างมาทำฝ้าเพดานห้องเขาถ้าจะรั่วเหมือนกันเพราะเข้าหน้าฝน ช่างเลยพบบันไดที่ภรรยาผมทิ้งไว้ และบอกกับเขาทราบ และช่างได้เอาบันได้มาพาดไว้ทางฝั่งห้องผมแล้วทำฝ้าเพดานจนเสร็จ และเมื่อผมทั้งสองคนเสร็จธุระเรื่องงานบวชลูกชายจึงกลับมาที่บ้าน และภรรยาผมได้ไปตามช่างมาซ่อมหลังคาจนเสร็จ(ช่างคนละคนกัน)และเอาบันไดลง ต่อมาได้ยินข่าวเล่าลือว่าเขาได้เอาเรื่องเจอบันไดไปเล่าให้คนอื่นฟังและสงสัยว่าเราขโมยผ้าเขา ซึ่งภรรยาผมได้ยินมาจึงได้เอิ้นถามภรรยาเขาว่าอย่าเข้าใจผิดนะ บันไดนั้นภรรยาผมเอาขึ้นไปซ่อมหลังคาเอง มีอะไรหายหรือ(ได้ยินมา) ภรรยาเขาตอบแบบไม่ค่อยพอใจว่า ไม่มีอะไรหายหรอก(กระแทกเสียง) อีกวันหนึ่งภรรยาผมร้อนใจกลัวเรื่องจะรู้ถึงหูผมเพราะผมเป็นคนไม่ยอมคนอยู่แล้ว(ถึงได้ไม่พูดกับเขาเกรียดเข้าใส้)จึงได้ไปคุยปรับความเข้าใจกับเขา โดยเล่าให้เขาฟังว่า เรื่องบันไดเธอเอาทำหลังคา(ตามที่เล่ามา) ถ้าจะมีผิดก็เรื่องเดียวที่ไม่ได้บอกเขาเรื่องผ้าซึ่งมีเงื่อนงำดังนี้ 1 การขายผ้าของเราส่วนมากจะทำกันดังนี้ จะมีรถวิ่งนำสินค้าคือผ้าต่างๆที่ทำไปขายยังต่างจังหวัดไกลๆแล้วแต่จะมีใครสั่ง(เอาไปส่งต่ออีกทอด) 2 การมาเอาของจากเขาไปส่วนมากก็เป็นบิลเงินเชื่อหรือเอาหลักทรัพย์มาค้ำ ซึ่งเขาก็ตามยึดมาเยอะถามไม่เอาเงินค่าผ้ามาเคลียร์หรือเคลียร์ไม่ได้ แล้วคนเอาผ้าเขาไปก็นำไปขาย แต่มีบางคนหมุนเงิน เอาผ้าที่เอามาจากเขาไปขายในราคาต่ำกว่าทุนที่เอาไป ซึ่งบางครั้งผ้าพวกนี้ก็เวียนมาหาร้านผม ซึ่งภรรยาผมก็ซื้อไว้และขายไป ซึ่งรวมกับผ้าของภรรยาผม มีตราร้านใครร้านมัน 3 การค้าแบบนี้เป็นสิทธิ์ของพ่อค้าที่มารับของจากเขาที่จะขายให้ใครก็ได้ ตัวเขาเองยังเคยรับซื้อเลย นี่คือเรื่องที่ภรรยาผมไปเล่าให้เขาฟัง เขาคงโกรธมาก แต่ก็ยังคงทิ้งไว้หลายวัน กว่าจะนำเรื่องไปหารือกับตำรวจและกล่าวหาว่าเราลักทรัพย์ โดยปีนเข้าไปเอา(ตามที่เจอบันได) ทำมานานแล้ว(คิดว่าตั้งแต่เขาไปนอนบ้าน) ตำรวจจึงเรียกภรรยาผมพร้อมกับเพื่อนอีกคนไป โดยเรียกภรรยาผมเข้าไปก่อนแล้วบอกกับภรรยาผมว่าจะยอมรับหรือเปล่าว่าขโมยผ้าเขาไปพี่เขาใจดีนะแค่ชดใช้เขาจะไม่เอาเรื่อง (หลอกล่อ) และขู่ว่า สามีเป็นราชการหรือก็จะโดนไปด้วย ลูกก็จะเสียอนาคตนะ(ลูกผมกำลังเรียนคณะทันตแพทย์ศาสตร์ เก่งกว่าลูกเขา อิจฉา) ภรรยาผมไม่ยอมรับ แล้วตำรวจก็ไล่กลับแต่พูดทิ้งท้ายไว้ว่าผมมีพยานหลักฐานมากพอสมควรนะ และหันไปบอกคู่กรณีว่าแล้วจะหาร้อยเวรฯเก่งๆให้ (ตำรวจที่เรียกไปเป็นหัวหน้า) แล้วก็เรียกเพื่อนอีกคนเข้าไปถาม(เพื่อนเล่าว่าดังนี้) ผู้หญิงเมื่อกี้เขารับแล้วนะ เพื่อนย้อนถามว่ารับอะไร เรียกผมมายังไม่รู้เรื่องอะไรเลย ตำรวจถามต่อว่า แล้วบิลเสื่อหม้อห้อม 500ตัวนี่เล่า ไม่ได้ทำผ้าหม้อห้อมแล้วเอาที่ไหนมาขาย เพื่อนบอกว่า ก็ซื้อจากอาเฮียมาไง แล้วก็ซื้อจากร้านเจ้ มั่ง(ภรรยาผมโดยมีตราร้านของใครของมัน) ตำรวจหันไปถามเขาว่าอ้าวแล้วเอาไง สุดท้ายไล่เพื่อนกลับ เราก็กลับบ้านกันแป๊บเดียวเขาก็กลับมาร้านเหมือนกัน พวกผมรอรอมา6-7วันแล้วไม่เห็นมีการดำเนินการอะไร ตำรวจก็ไม่มาที่เกิดเหตุ หากเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไปมันไม่สบายใจ จะต้องตามเรื่องอย่างไร จึงขอถามดังนี้ 1 จะต้องทำอย่างไรต่อไป 2 เราจะมีความผิดไหม 3 หากไม่มีอะไรเกิดขึ้นเงียบเฉยๆ จะฟ้องเขาข้อหาหมิ่ประมาทได้หรือไม่(เขาเอาไปพูดให้คนอื่นฟังหมดแล้วว่าร้านผมโดยผมและภรรยาขโมย)
| |
ผู้ตั้งกระทู้ ชลธวัช พลเจียก (borommatat-dot-chon-at-gmail-dot-com) :: วันที่ลงประกาศ 2013-08-12 16:26:39 IP : 171.5.50.177 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (3388163) | |
ในกรณีของคุณ ข้อ1ต้องดูว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับคำร้องทุกข์จากคู่กรณีของคุณหรือยัง หากมีการรับคำร้องทุกข์ ก็ต้องมีการดำเนินการต่อไปคือการเรียกภรรยาของคุณไปสอบปากคำ จึงจะถือว่าได้มีการดำเนินคดีกับภรรยาของคุณแล้ว ข้อ2 หากคุณไม่ได้ลักเอาทรัพย์สินหรือผ้าของเขามา ก็ไม่มีความผิดอะไร ค่ะ ข้อ 3 หากเขาเอาเรื่องไม่จริงไปพูดโดยที่เขาเองรู้ว่าไม่ได้เป็นความจริง ก็ฟ้องฐานหมื่นประมาทได้ค่ะ แล้วการที่คู่กรณีของคุณทราบว่าจริงฟแล้วคุณไม่ได้ลักผ้าของเขาไป แต่ยังไม่แจ้งความก็ยังผิดฐานแจ้งความเท็จอีกข้อหาหนึ่งด้วยค่ะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ทีมงาน jollaw วันที่ตอบ 2013-08-14 21:35:04 IP : 171.99.130.153 |
[1] |